ใครที่เป็นสายรันเทรนด์บทความนี้ห้ามพลาดเพราะผู้เขียนจะพาไปเรียนรู้กับกลยุทธ์ที่สามารถทำกำไรสุดเทรนด์ในไทม์เฟรม 5 นาที เพียงแค่ใช้อินดิเคเตอร์แค่ 2 ตัวเท่านั้น เป็นกลยุทธ์ที่ทำตามได้ง่าย ทำกำไรได้ดีในระยะเวลาสั้น ๆ โดยเราจะเรียนรู้เกี่ยวกับกลยุทธ์นี้ไปด้วยกันผ่านหัวข้อดังต่อไปนี้
- การเรียกใช้งานอินดิเคเตอร์
- การตั้งค่าอินดิเคเตอร์
- การใช้งานเบื้องต้นของอินดิเคเตอร์
- เงื่อนไขการเทรด การตั้งจุดกำไรและขาดทุน
- ผลของการทดสอบระบบ
- การปรับปรุงกลยุทธ์เพื่อผลการเทรดที่ดีกว่า
- คำแนะนำ
การเรียกใช้งานอินดิเคเตอร์
สำหรับกลยุทธ์การเทรด RTI Supertrend เป็นกลยุทธ์การเทรดด้วยเทรนด์และโมเมนตัมของตลาดซึ่งประกอบด้วยอินดิเคเตอร์ 2 ตัวจาก TradingView นั่นก็คือ
- RTI (Relative Trend Index) ของ Zeiilerman
- Supertrend ของ KivancOzbilgic
การตั้งค่าอินดิเคเตอร์
การตั้งค่า Supertrend
- ใช้ค่ามาตรฐาน
การตั้งค่า RTI
- ใช้ค่ามาตรฐาน
การใช้งานเบื้องต้นของอินดิเคเตอร์
Supertrend
Supertrend เป็นอินดิเคเตอร์ที่ใช้บ่งบอกแนวโน้มของเทรนด์ในตลาดรวมไปถึงจุดเข้าและจุดออกที่ชัดเจน โดยมีองค์ประกอบ 2 ส่วน
- เครื่องหมาย Buy /Sell
- เส้น ATR
เส้น ATR พระเอกของกลยุทธ์
เส้น ATR คือเส้นที่เกิดหลังจากอินดิเคเตอร์แสดงเครื่องหมาย Buy/Sell มีลักษณะการใช้งานดังนี้
- ใช้เป็นแนวรับแนวต้านในระยะสั้น
- ใช้บ่งบอกการสิ้นสุดของเทรนด์
- ใช้ในการ Trailing Stop ซึ่งการเลื่อน Stop loss ตามราคาสินทรัพย์ทำให้สามารถทำกำไรได้จนสุดเทรนด์
RTI (Relative Trend Index)
RTI เป็นอินดิเคเตอร์แสดงโมเมนตัมของตลาด บอกความแข็งแรงของแรงซื้อแรงขาย โดยมีองค์ประกอบ 2 ส่วน
- เส้น RTI
- เส้น Signal Line
เส้น RTI
ภาพอธิบายการใช้งานอินดิเคเตอร์ RTI เบื้องต้น
เส้น RTI เป็นเส้นที่ใช้บ่งบอกโมเมนตัมของตลาด
- เมื่อเข้าสู่โซน Overbought (มากกว่าค่า 80) พื้นหลังจะเกิดเป็นสีเขียวบ่งบอกถึงแรงซื้อจำนวนมากและโมเมนตัมตลาดขาขึ้น
- เมื่อเข้าสู่โซน Oversold (น้อยกว่า 20) พื้นหลังจะเกิดเป็นสีแดงบ่งบอกถึงแรงขายจำนวนมากและโมเมนตัมตลาดขาลง
เส้น Signal Line
- เส้นค่าเฉลี่ยที่เกิดจากการคำนวณของเส้น RTI ย้อนหลัง
ทำไม RTI ถึงดีกว่า RSI
ภาพอธิบายเหตุผลว่าทำไม RTI ถึงดีกว่า RSI
RTI เป็นอินดิเคเตอร์ที่อยู่ในหมวดหมู่เดียวกันกับ RSI คือใช้บ่งบอกโมเมนตัมของเทรนด์ แต่สาเหตุที่ทำให้ RTI ดีกว่า RSI คือ
- RTI จะตอบสนองต่อราคาที่ช้ากว่า RSI ทำให้มีสัญญาณหลอกน้อยกว่า
- RTI บ่งบอกแนวโน้มในตลาดได้ชัดเจนกว่า
- RTI มีการปรับค่าที่หลากหลาย ทำให้เหมาะกับการใช้งานหลายรูปแบบ
เงื่อนไขการเทรด การตั้งจุดกำไรและขาดทุน
การเทรดด้วยกลยุทธ์นี้เราจะใช้งาน Supertrend ในการบอกแนวโน้มของเทรนด์ในตลาดและใช้ RTI ในการเข้าเทรด และใช้เส้น ATR ของ Supertrend ในการ Trailing Stop
Trailing Stop คืออะไร
ภาพอธิบายเกี่ยวกับ Trailing Stop คืออะไร
Trailing Stop คือการเลื่อนจุดปิดออเดอร์ไปตามการเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์ เปรียบเหมือนกับการวิ่งไล่ตามราคาปัจจุบันของสินทรัพย์เพื่อหาจุดปิดออเดอร์ที่ดีที่สุด การทำเช่นนี้จะช่วยลดความเสี่ยงและช่วยเพิ่มผลตอบแทนได้
ภาพตัวอย่างการ Trailing Stop ขาขึ้น / Trailing Stop ขาลง
เงื่อนไขการเทรดขาขึ้น
- เกิดสัญญาณ Buy ของ Supertrend
- เส้น RTI เข้าสู่โซน Overbought ( ค่ามากกว่า 80)
- เปิดออร์เดอร์ Buy
- ใช้การ Trailing Stop ตามเส้น ATR ในการปิดออเดอร์
เงื่อนไขการเทรดขาลง
- เกิดสัญญาณ Sell ของ Supertrend
- เส้น RTI เข้าสู่โซน OverSold (ค่าน้อยกว่า 20)
- เปิดออร์เดอร์ Sell
- ใช้การ Trailing Stop ตามเส้น ATR ในการปิดออเดอร์
ผลของการทดสอบระบบ
ผู้เขียนได้ทำการทดสอบกลยุทธ์นี้ในไทม์เฟรม 5 นาทีคู่เงิน USD/JPY ตั้งแต่วันที่13 สิงหาคม 2567 ถึงวันที่ –
9 กันยายน 2567 ช่วงเวลา 7.00 – 21:00 น ซึ่งผลของการทดสอบทำให้รู้ว่ากลยุทธ์นี้มีจำนวนการเทรดสูงแต่อัตราการชนะต่ำ อย่างไรก็ดีสามารถทำกำไรได้
ผลของการทดสอบ
ภาพผลการทดสอบกลยุทธ์
- เทรดทั้งหมด 63 ไม้
- ชนะ 28 ไม้
- แพ้ 34 ไม้
- เสมอ 1 ไม้
- อัตราการชนะ 44%
- ชนะต่อเนื่อง 3 ไม้
- แพ้ต่อเนื่อง 4 ไม้
- กำไร 698.6 ปี๊บ
ดูผลของการทดสอบได้ที่ลิงก์นี้ Backtest (Sheet1)
ข้อสังเกตหลังการทดสอบ
- เป็นกลยุทธ์ที่สามารถทำกำไรได้ดีถ้าเกิดอยู่ในช่วงที่ตลาดมีแนวโน้มของเทรนด์ที่ชัดเจน
- การใช้งาน Trailing stop ตาม Supertrend สามารถทำ Reward ได้สูงเกือบ 5 เท่า
- การใช้งาน Trailing stop ก็ทำให้พลาดกำไรที่ควรจะได้ไปเช่นเดียวกัน
- เป็นกลยุทธ์ที่มีสัญญาณหลอกอยู่บ้าง ทำให้มีการแพ้ต่อเนื่อง
การปรับปรุงกลยุทธ์เพื่อผลการเทรดที่ดีกว่า
จากการทดสอบครั้งแรกทำให้ผู้เขียนรู้ว่าจุดแข็งของกลยุทธ์นี้คือการใช้งาน Trailing stop ที่ทำให้สามารถทำกำไรได้จนสุดเทรนด์ แต่มันก็เป็นจุดอ่อนเช่นเดียวกันที่บางครั้งทำให้ไม่ได้กำไร อีกทั้งยังมีสัญญาณหลอกที่ทำให้เกิดการแพ้ต่อเนื่อง ผู้เขียนจึงได้นำข้อบกพร่องจากการทดสอบครั้งแรกมาปรับปรุง เริ่มต้นจากการตั้งค่า Supertrend รวมทั้งใช้หลักการควบคุมความเสี่ยงและผลตอบแทน เข้ามาเพิ่มให้กับกลยุทธ์นี้
ตั้งค่า Supertrend
ภาพการตั้งค่า Supertrend เพื่อปรับปรุงกลยุทธ์
ตั้งค่า input
- ปรับ ATR multiplier เป็น 4 เพื่อลดสัญญาณหลอกของ Supertrend
เงื่อนไขการเทรดขาขึ้น
- เกิดสัญญาณ Buy ของ Supertrend
- เส้น RTI เข้าสู่โซน Overbought ( ค่ามากกว่า 80)
- เปิดออร์เดอร์ Buy
- วาง Stop loss ไว้ที่เส้น ATR ของ Supertrend
- ตั้ง Take profit 1 ที่ RR 1:1.5 และให้กันหน้าทุน
- ใช้ Trailing Stop เพื่อปิด Take profit 2
เงื่อนไขการเทรดขาขึ้น
- เกิดสัญญาณ Sell ของ Supertrend
- เส้น RTI เข้าสู่โซน OverSold (ค่าน้อยกว่า 20)
- เปิดออร์เดอร์ Sell
- วาง Stop loss ไว้ที่เส้น ATR ของ Supertrend
- ตั้ง Take profit 1 ที่ RR 1:1.5 และให้กันหน้าทุน
- ใช้ Trailing Stop เพื่อปิด Take profit 2
ผลการทดสอบหลังปรับปรุงกลยุทธ์
ภาพผลการทดสอบหลังปรับปรุงกลยุทธ์
- เทรดทั้งหมด 36 ไม้
- ชนะ 20 ไม้
- แพ้ 16 ไม้
- อัตราการชนะ 55.5%
- ชนะต่อเนื่อง 5 ไม้
- แพ้ต่อเนื่อง 3 ไม้
- กำไร 546.05 ปี๊บ
ดูผลของการทดสอบได้ที่ลิงก์นี้ Backtest (Sheet2)
สิ่งที่ปรับปรุงหลังจากการทดสอบครั้งแรก
- ปรับค่าพารามิเตอร์ของ Supertrend
- มีการใช้ Risk Reward ที่ชัดเจนเข้ามาคุมกลยุทธ์
- มีการกันหน้าทุนเพื่อลดความเสี่ยง
ข้อสังเกต
- กลยุทธ์มีอัตราชนะที่ดีขึ้นหลังจากนำวิธีการควบคุมความเสี่ยงเข้ามาใช้
- อัตราการชนะดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
- จำนวนการชนะต่อเนื่องเพิ่มขึ้น
- จำนวนการแพ้ต่อเนื่องน้อยลง
- ถึงแม้ว่ากำไรจะลดลงแต่เมื่อเทียบในจำนวนการเทรดที่เท่ากันจากการทดสอบครั้งแรกได้กำไรมากกว่า
คำแนะนำ
ภาพคำแนะนำการใช้งานกลยุทธ์
- กลยุทธ์นี้สามารถใช้ได้ทุกไทม์เฟรม
- สามารถปรับค่า Supertrend และ RTI เพื่อให้เข้ากับพฤติกรรมคู่เงินหรือให้เหมาะกับสไตล์การเทรดได้
- จำเป็นต้องใช้ Risk Reward เข้ามาคุมทุกครั้งเพื่อให้ได้ผลลัพธ์การเทรดที่ดี
- ผู้ใช้ต้องนำไป Backtest และ Forward test ก่อนใช้งานจริง
เครดิตกลยุทธ์ : Power of Trading