เพื่อนๆคนไหนกำลังหากลยุทธ์ในการเทรดสั้นไทม์เฟรม 5 นาทีอยู่ เนื้อหาของบทความนี้จะตอบโจทย์แน่นอนโดยเราจะนำกลยุทธ์ที่มีชื่อว่า G-Channnel Trend Detection กลยุทธ์ที่อัตราการชนะสูงมาแนะนำผ่านหัวข้อต่อไปนี้
- การเรียกใช้งานอินดิเคเตอร์
- การตั้งค่าอินดิเคเตอร์
- การใช้งานเบื้องต้นของอินดิเคเตอร์
- เงื่อนไขการเทรด การตั้งจุดกำไรและขาดทุน
- ผลของการทดสอบระบบ
- ผลการทดสอบหลังปรับ Risk Reward
การเรียกใช้งานอินดิเคเตอร์
ภาพการเรียกใช้งานอินดิเคเตอร์ Tradingview
กลยุทธ์การเทรด G-Channel Trend Momentum เป็นกลยุทธ์ที่ใช้อินดิเคเตอร์จาก TradingView 2 ตัว ได้แก่
- G-Channel Trend Detection ของ Jaggedsoft
- Premier RSI Oscillator ของ LazyBear
การตั้งค่าอินดิเคเตอร์
ตั้งค่า G-Channel Trend Detection
ภาพการตั้งค่า Input และ Style ของ G-Channel Trend Detection
ตั้งค่า input
- ตั้งค่า Length 25
ตั้งค่า Style
- Average Color 0 ให้ใช้สีเขียวและปรับค่า Opacity 100 (เลือกขนาดของเส้นตามใจชอบ)
- Average Color 1 ให้ใช้สีแดงและปรับค่า Opacity 100 (เลือกขนาดของเส้นตามใจชอบ)
- Shape (สีแดง) ให้เลือก Above Bar
- Shape (สีเขียว) ให้เลือก Below Bar
ตั้งค่า Premier RSI Oscillator
ภาพการตั้งค่า Input และ Style Premier RSI Oscillator
ตั้งค่า input
- ตั้งค่า RSI Length 50
- ตั้งค่า Stoch Length 35
- ตั้งค่า Smooth Length 10
ตั้งค่า Style
- ตั้งค่า PROHisto เป็น “พื้นที่”
การใช้งานเบื้องต้นของอินดิเคเตอร์
G-Channel Trend Detection
ภาพอธิบายการใช้งานอินดิเคเตอร์ G-Channel
อินดิเคเตอร์ G-Channel Trend Detection เป็นตัวบ่งชี้ที่ประกอบด้วยองค์ประกอบ 2 ส่วนดังนี้
- เส้น Average
- เครื่องหมาย Buy / Sell
เส้น Average
- เส้นสีเขียวหมายถึงตลาดเริ่มมีแนวโน้มในทิศทางขาขึ้น
- เส้นสีแดงหมายถึงตลาดเริ่มมีแนวโน้มในทิศทางขาลง
- ใช้เป็นแนวรับแนวต้านระยะสั้น
เครื่องหมาย Buy / Sell
- เครื่องหมาย Buy ใช้บอกจุดเข้าเทรดในทิศทางขาขึ้น
- เครื่องหมาย Sell ใช้บอกจุดเข้าเทรดในทิศทางขาลง
Premier RSI Oscillator
ภาพอธิบายการใช้งานอินดิเคเตอร์ Premier RSI Oscillator
อินดิเคเตอร์ Premier RSI Oscillator เป็นตัวบ่งชี้โมเมนตัมของตลาดประกอบด้วยองค์ประกอบ 3 ส่วน
- Histogram
- Zero line
- Level+2/Level-2และ Level+9/Level-9
Histogram
- Histogram สีแดงจะเกิดใต้ Zero Line หมายถึงตลาดอยู่ในโมเมนตัมขาลง
- Histogram สีเขียวจะเกิดเหนือ Zero Line หมายถึงตลาดอยู่ในโมเมนตัมขาขึ้น
Zero Line
- จุดกึ่งกลางของ Histogram มีค่าเท่ากับ 0
Level+2/Level-2 และ Level+9/Level-9
- Level+2 มีค่าเท่ากับ 0.2 ถ้า Histogram อยู่เหนือเส้นนี้แสดงว่าตลาดเริ่มมีแรงซื้อเข้ามามากขึ้น
- Level+9 มีค่าเท่ากับ 0.9 ถ้า Histogram อยู่เหนือเส้นนี้แสดงว่าตลาดอยู่ในโมเมนตัมตลาดขาขึ้นที่รุนแรงมีโอกาสที่จะขึ้นต่อ
- Level-2 มีค่าเท่ากับ -0.2 ถ้า Histogram อยู่ใต้เส้นนี้แสดงว่าตลาดเริ่มมีแรงขายเข้ามามากขึ้น
- Level-9 มีค่าเท่ากับ -0.9 ถ้า Histogram อยู่ใต้เส้นนี้แสดงว่าตลาดอยู่ในโมเมนตัมตลาดขาลงที่รุนแรงมีโอกาสที่จะลงต่อ
เงื่อนไขการเทรด การตั้งจุดกำไรและขาดทุน
การเทรดด้วยกลยุทธ์นี้เราจะโฟกัสที่เครื่องหมาย Buy / Sell และสีของเส้น Average ของอินดิเคเตอร์
G-Channel Trend Detection และใช้สี Histogram ของ Premier RSI Oscillator ในการคอนเฟิร์มอีกชั้นหนึ่ง
เงื่อนไขในการเทรดขาขึ้น
- เกิดเครื่องหมาย Buy
- เส้น Average เปลี่ยนเป็นสีเขียว
- รอ Histogram เปลี่ยนเป็นสีเขียวและอยู่เหนือ Zero Line
- เปิดออเดอร์ Buy
- ตั้ง Stop loss ที่ Swing Low ล่าสุด
- ตั้ง Take profit โดยใช้ RR 1:1.5
เงื่อนไขในการเทรดขาลง
- เกิดเครื่องหมาย Sell
- เส้น Average เปลี่ยนเป็นสีแดง
- รอ Histogram เปลี่ยนเป็นสีเเดงและอยู่ใต้ Zero Line
- เปิดออเดอร์ Sell
- ตั้ง Stop loss ที่ Swing High ล่าสุด
- ตั้ง Take profit โดยใช้ RR 1:1.5
ผลของการทดสอบระบบ
ผู้เขียนได้ทำการทดสอบกลยุทธ์ G-Channel Trend Momentum กับคู่เงิน NZD/JPY ในไทม์เฟรม 5 นาที ตั้งแต่วันที่23 กรกฎาคม 2567 ถึงวันที่ 20 สิงหาคม 2567 รวมระยะเวลาเกือบ 1 เดือน โดยเทรดในช่วงเวลา 7:00 น จนถึง 15:00 น โดยรวมแล้วเป็นกลยุทธ์ที่ใช้ได้ดีมากในไทม์เฟรม 5 นาทีโดยผลการทดสอบครั้งแรกออกมาดีและทำกำไรได้ แถมอัตราการชนะยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดีอีกด้วย
ภาพผลการทดสอบกลยุทธ์
ผลของการทดสอบ
- เทรดทั้งหมด 28 ไม้
- ชนะ 15 ไม้
- แพ้ 13 ไม้
- อัตราการชนะ 53.57%
- ชนะต่อเนื่อง 7 ไม้
- แพ้ต่อเนื่อง 4 ไม้
- กำไร 351.8 ปิ๊ป
ดูผลของการทดสอบกลยุทธ์ได้ที่ลิงก์นี้ Backtest (Sheet 1)
ข้อสังเกตหลังจากการทดสอบ
- เป็นกลยุทธ์การเทรดที่ดีสามารถทำกำไรได้และมีจำนวนการชนะต่อเนื่องที่ค่อนข้างสูง
- ช่วงที่มีการแพ้ติดต่อกันจะขาดทุนค่อนข้างเยอะจุดนี้ต้องมีการปรับเพิ่มเติมเพื่อให้ขาดทุนลดน้อยลง
- โดยรวมแล้วอัตราการชนะกับกำไรอยู่ในเกณฑ์ที่ดีสำหรับระยะเวลาเพียงแค่ 1 เดือน
ผลการทดสอบหลังปรับ Risk Reward และปรับลดเรื่องอัตราการขาดทุน
หลังจากที่ผู้เขียนได้ทำการทดสอบครั้งแรกและได้ข้อสังเกตตามที่ได้กล่าวมาข้างต้นนั้นผู้เขียนก็จึงได้มีการปรับกลยุทธ์เพียงแค่เล็กน้อยในเรื่องการวางความเสี่ยงและผลตอบแทน รวมไปถึงการบริหาร ออร์เดอร์เทรด ซึ่งผลลัพธ์ก็ออกมาดีขึ้นอย่างก้าวกระโดดเรียกได้ว่าทำให้กลยุทธ์นี้กลายเป็นกลยุทธ์ระดับ S+ ได้เลย
ภาพผลการทดสอบกลยุทธ์หลังปรับปรุง Risk Reward Ratio
ผลการทดสอบ
- เทรดทั้งหมด 29 ไม้
- ชนะ 14 ไม้
- แพ้ 8 ไม้
- เสมอ 7 ไม้
- อัตราการชนะ 48.27%
- ชนะต่อเนื่อง 8 ไม้
- แพ้ต่อเนื่อง 2 ไม้
- กำไร 617.3 ปิ๊ป
ดูผลของการทดสอบกลยุทธ์ได้ที่ลิงก์นี้ Backtest (Sheet 2)
สิ่งที่ปรับเปลี่ยนไปจากการทดสอบครั้งแรก
- มีการปรับ RR จากเก็บกำไรที่ RR1:1.5 มาเป็น RR 1:2
- มีการกันหน้าทุนเมื่อราคาวิ่งมาถึง RR 1:1
ข้อสังเกตหลังจากการทดสอบ
- จำนวนการเทรดใกล้เคียงกับการทดสอบครั้งแรก
- อัตราการชนะลดน้อยลงแต่ต้องไม่ลืมว่ามีไม้ที่เสมอเพิ่มเข้ามา (ในกรณีที่แบ่งขาย 50% ที่ RR 1:1 แล้วมีการกันหน้าทุนกลยุทธ์นี้จะมีอัตราการชนะสูงถึง 72%)
- มีจำนวนการชนะติดต่อการเพิ่มขึ้นและจำนวนการแพ้ติดต่อกันลดลง
- กำไรเพิ่มขึ้น 2 เท่าโดยประมาณเมื่อเทียบกับการทดสอบครั้งแรก
การตั้งแจ้งเตือน Premier RSI Oscillator
ภาพการตั้งแจ้งเตือน Premier RSI Oscillator
การตั้งแจ้งเตือน Premier RSI Oscillator จะช่วยให้เพื่อนๆสามารถจับจังหวะการเทรดได้ทันโดยมีขั้นตอนดังนี้
- Condition เลือก Premier RSI Stoch
- เลือก Crossing
- Value ปรับค่า 0
- Trigger เลือก Once Per Minute
คำแนะนำ
ภาพคำแนะนำการใช้กลยุทธ์
- กลยุทธ์นี้เป็นกลยุทธ์ที่ใช้กับไทม์เฟรม 5 นาทีเท่านั้น
- การนำกลยุทธ์นี้ไปใช้กับไทม์เฟรมอื่นจะต้องทำการปรับค่าอินดิเคเตอร์ทั้ง 2 ตัว
- ผู้ที่จะนำกลยุทธ์นี้ไปใช้ต้องนำไป Backtest และ Forwardtest เพื่อให้รู้ผลลัพธ์ว่าเหมาะสมที่จะใช้ เทรดในคู่เงินที่ต้องการหรือไม่
- การแบ่งปิดทำกำไรบางส่วนที่ RR 1:1 หรือมากกว่า จะช่วยเพิ่มอัตราการชนะให้กับกลยุทธ์นี้ได้
เครดิตกลยุทธ์ Power of Trading